Facial Design

Facial Design

 B-TOX

กาลเวลาเปลี่ยนไปไม่สามารถเรียกคืนได้ แต่เราสามารถชะลอความอ่อนเยาว์ให้อยู่กับเราเท่าที่ใจต้องการมหัศจรรย์ใหม่ แพทย์ทั่วโลกยอมรับในการลดเลือนริ้วรอย
รอยย่น บนใบหน้า เกิดจากการแสดงออกของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์เครียด หรือ การยิ้มโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีการแสดงออกทางอารมณ์หลากหลาย เป็นผลทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้น แต่คุณไม่ต้องกังวลกับปัญหานี้อีกต่อไป

มีหลักการอย่างไร?

ในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนายาที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายว่า สามารถยับยั้งการเกิดริ้วรอยบริเวณใบหน้า ที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะไปยับยั้งการส่ง กระแสประสาทของเส้นประสาทเล็กๆ ที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อเป็นผลทำให้กล้ามเนื้อลดการเกิดการหดตัว ริ้วรอยลดลง ผิวเรียบเนียนขึ้น ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ยังมีความสามารถควบคุมต่อมเหงื่อ การทำให้ใบหน้าเรียว โดยยับยั้งการทำงานที่มากเกินไปของกล้ามเนื้บริเวณกราม
ปลอดภัยและมีผลข้างเคียงอย่างไร?
การฉีดได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเป็นเวลานานกว่า 10 ปี มาแล้ว เพื่อรักษาโรคทางตาและโรคทางระบบประสาทอื่นๆ ต่อมาได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการชะลอริ้วรอยแห่งวัย ซึ่งได้ผลดี และปลอดภัย หลังการฉีดอาจมีรอยช้ำได้เล็กน้อยและสามารถหายได้เอง

เห็นผลเมื่อไหร่?

การฉีดเป็นการลดเลือนริ้วรอยเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมีผลการรักษาประมาณ 3-6 เดือน และมารับการฉีดประมาณ 2-4 ครั้งต่อปี โดยหากมีการฉีดกระตุ้นในระยะเวลาที่เหมาะสม อาจได้ผลการรักษาที่คงอยู่นานกว่าเดิม และหลังการฉีดไปแล้วจะเห็นผลภายใน 1 อาทิตย์ อีกทั้งใบหน้ายังดูสดใสอ่อนเยาว์อีกด้วย  

แก้ไขปัญหารูปหน้าได้อย่างไร?
1.ลดริ้วรอยบริเวณใบหน้า เช่น ตีนกา รอยย่นหน้าผาก รอยย่นหัวคิ้ว (คิ้วขมวด)
2.ปรับรูปหน้าให้เรียวมน ลดกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร ทำให้หน้าเหลี่ยมดูเรียวเล็กลง
3.ระงับเหงื่อใต้วงแขน ที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
4.ปรับเปลี่ยนรูปคิ้ว เช่น ตรงเป็นธรรมชาติ, โค้งเป็นคันศร, เฉี่ยวเปรี้ยว
5.เสริมความกว้างให้ดวงตาดูโตขึ้น
6.ปรับเปลี่ยนรูปคางให้ดูยาวขึ้น แก้ปัญหาใบหน้าสั้น
7.ยกกระชับใบหน้าให้ตึงขึ้น
8.รอยย่นบริเวณลำคอ อื่นๆ เช่น รอยย่นบริเวณดั้งจมูก จมูกบาน ร่องแก้มลึก ริ้วรอยรอบริมฝีปาก รอยหยักบุ๋มบริเวณคาง

ไม่ควรใช้ในใครบ้าง?
ไม่ควรใช้ในหญิงให้นมบุตร หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

การฉีดหน้าเรียว มีสองอย่างคือผู้หญิงที่กรามใหญ่  
1.เราจะฉีดตรงกรามเพื่อลดกล้ามเนื้อตรงส่วนนั้นให้เล็กลง รูปหน้าก็จะเรียวขึ้น ใบหน้าบริเวณขากรรไกรเรียวขึ้น สังเกตเวลาเรากัดกรามแล้วจะเห็นกล้ามเนื้อบริเวณกรามชัดเจน เราก็จะฉีดไปที่บริเวณนั้น  
2.การฉีดยกแก้ม ส่วนใหญ่คนที่มาฉีดวิธีนี้ก็คืออายุ 40 ปีไปแล้วที่มีการดึงของกล้ามเนื้อคอแล้วทำให้แก้มตกลงมา ทำให้ดูมีเนื้อเยอะ แก้มใหญ่แก้มย้อย การฉีดก็เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ดึงแก้มนั้นทำงานน้อยลง โดยจะฉีดที่ขากรรไกรเลย

คำแนะนำหลังฉีด 
1.ก่อนฉีด อาจทายาชาทิ้งไว้ ครึ่งชั่วโมง หรือใช้น้ำแข็งประคบจุดที่จะฉีด เพื่อให้เกิดอาการชา และลดโอกาสเกิดรอยช้ำ  
2.แนะนำให้แสดงสีหน้าตรงตำแหน่งที่ฉีดบ่อยๆ ในช่วง 1 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้เต็มที่ 
3.ไม่ควรนอนราบภายใน 2 ชั่วโมงหลังฉีด  
4.แนะนำให้หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดหน้า เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์หลังฉีด เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง 
5.ถ้ามีอากาศปวดศีรษะ หลังฉีด แนะนำให้ทานพาราเซตามอล โดยอาจจะมีอากาศประมาณ 2-3 วัน ก็จะหายไปได้เอง

ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่ละบุคคล

-------------------------

Filler  ฟิลเลอร์ คืออะไร ? 

ฟิลเลอร์ คือ สารที่นำมาฉีดเติมเต็มใต้ผิวหนัง

ปัจจุบันมีสารหลายชนิดที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ และถูกนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น สารไฮยาลูรอนิคแอสิด (Hyaluronic Acid)  หรือการฉีดไขมันตนเอง (Fat Transfer) ซึ่งสารไฮยาลูรอนิค เป็นที่ยอมรับและใช้กันแพร่หลายทั่วโลกมากกว่าสารอื่น ๆ เพราะไฮยาลูรอนิกแอสิด เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ ดังนั้นฟิลเลอร์ที่ผลิตมาจากสารไฮยาลูรอนิคแอสิดจึงมีความปลอดภัย และเนื่องจากฟิลเลอร์ประเภทสารไฮยาลูรอนิกแอสิดไม่ได้ผลิตมาจากสัตว์เช่นเดียวกับคอลลาเจน ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองมีน้อย โดยที่คุณสมบัติของสารไฮยาลูรอนิคแอซิดจะมีอายุประมาณ 8 – 12 เดือน แล้วจะค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติ โดยไม่มีร่องรอยใด ๆ ทิ้งไว้ ซึ่งนับเป็นข้อดีของฟิลเลอร์ เพราะหากมีข้อผิดพลาดหรือผู้ที่ฉีดไม่พอใจเมื่อเวลาผ่านไป ฟิลเลอร์ที่ฉีดไว้ก็จะค่อย ๆ สลายไปเองตามธรรมชาติ

คุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่ช่วยตอบปัญหาผิวพรรณ

แก้ไขปัญหาริ้วรอย เช่น ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หางตา และร่องแก้ม ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดย การฉีด Filler เพื่อเติมเต็มทำให้ริ้วรอยบริเวณดังกล่าวตื้นขึ้น สภาพผิวดูดีขึ้น
แก้ไขปัญหาแผลชนิดที่ผิวเป็นหลุม เช่น การเกิดแผลเป็นที่เป็นหลุมจากสิวอักเสบ เป็นต้น กรณีดังกล่าวนี้สามารถใช้ Filler เติมเต็มทำให้แผลตื้นขึ้นได้
การใช้เพื่อการเสริม เติม แต่ง การใช้ Filler ฉีดเพื่อเสริมเนื้อเยื่อผิวหนังให้มีลักษณะนูนเต็มขึ้นกว่าเดิม (Augmentation) เช่น เสริมจมูก เสริมคาง ริมฝีปาก หรือฉีดเพื่อทำให้รูปทรงของหน้าดูอวบอิ่มกว่าเดิม         
ฟิลเลอร์ ปัจจุบันแบ่งได้เป็น 2 ประเภท

แบบที่ 1  คอลลาเจน  ปัจจุบันทางแพทย์ผิวหนังไม่ได้นำมาใช้แล้ว เนื่องจากพบอัตราการแพ้ค่อนข้างสูง  ก่อนใช้แพทย์จะทำการทดสอบกับคนไข้ 2 สัปดาห์  เพื่อรอดูผล  จัดเป็นสารสกัดจากไขมันสัตว์  เช่น ไขมันวัวหาง่าย ราคาถูก


แบบที่ 2  สารไฮยาลูรอนิคแอซิค  (Hyaluronic acid) สารกลุ่มนี้เรียกสั้น ๆ ว่า “HA” มีหลายชนิด  แต่มีเพียง 2 บริษัท ที่นำเข้ามาอย่างถูกต้อง และจดทะเบียนรับรองความปลอดภัยจาก อย. ในประเทศไทยเรียบร้อย

HA เป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในมนุษย์ และสัตว์ HA พบมากในบริเวณน้ำไขข้อ, ผิวหนัง, สายสะดือ และน้ำเลี้ยงนัยต์ตา ทำหน้าที่เหมือนน้ำหล่อลื่น อุ้มน้ำในชั้นผิวหนัง HA ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น เปล่งปลั่งและซ่อมแซมผิวได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้น HA จะค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มองเห็นริ้วรอยและร่องลึกชัดขึ้นตามอายุ

HA ที่นำมาฉีดนั้นส่วนใหญ่ผลิตมาจากการสังเคราะห์ทางชีวภาพ  ซึ่งสกัดมาจากน้ำตาลที่ย่อยโดยแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส  ข้อดีคือ พบอัตราการแพ้น้อย จึงมีความปลอดภัยสูง  สามารถปรับแต่งรูปร่างได้ตามความต้องการ  ในกรณีฉีดแล้วไม่พอใจ  สามารถสลายโดยฉีดไฮยาลูรอนิเดสได้ทันที  มีข้อสังเกตุอย่างหนึ่งว่าในประเทศไทยพบว่ามี HA ที่นำเข้ามาแบบที่แอบขายผ่านทางเน็ต  มักจะเป็น HA ที่แหล่งผลิตจากการสกัดจากสัตว์  ซึ่งมีราคาถูก  แต่จะมีอายุการใช้งานอยู่ได้นาน จึงควรศึกษาให้ดีก่อนที่จะฉีดนะค่ะ  เนื่องจากอาการแพ้อาจจะมีความรุนแรงตั้งแต่เพียงเล็กน้อยจนถึงขั้นรุนแรงเหมือนที่เป็นข่าวกันทีเดียว

สารฟิลเลอร์เป็นที่นิยมมากทั้งในประเทศทางยุโรป และอเมริกา มีการรับรองผลเรื่องชะลอริ้วรอยได้ ตั้งแต่ปี คศ. 2003  ฉนั้นถ้าคุณผู้อ่านเลือกรับบริการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก อย. คุณจะมั่นใจว่าสวยได้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน   ทั้งนี้คุณควรจะมีเวลาปรึกษาและสอบถามแพทย์ก่อนทำเกี่ยวกับ ปัญหาที่คุณมีความกังวลอย่างละเอียด ผลดีและผลเสีย รวมถึงวิธีดูแลก่อนการรักษาเพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด 

เตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีด Filler ?

งดการทานยาแก้ปวด แก้อักเสบ แอสไพริน 7 วันก่อนเข้ารับการฉีด และงดการทานวิตามินอี น้ำมันตับปลา ใบแป๊ะก๊วย สมุนไพร โสม 2 – 3 วันก่อนฉีด

เตรียมตัวอย่างไรหลังฉีด Filler ?

-ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหลังฉีดฟิลเลอร์ 12 ชั่วโมงแรก
-หลังฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก การสัมผัสโดนความร้อน เช่น ซาวน่า การออกแดดจัด เนื่องจากฟิลเลอร์ยังไม่คงรูป อาจทำให้การฉีดไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร และอาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
-หลังการฉีดฟิลเลอร์ 2 – 3 วัน ควรงดดื่มแอลกอฮอล์
-หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารยาแก้ปวดประเภท NSAIDs เช่น Ibuprofen aspirin วิตามินอี แป๊ะก๊วย ฯลฯ เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวมหรือรอยช้ำบริเวณตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์ได้
-งดการนวดหน้า ลอกหน้า กรอผิว การทำ AHA ทรีทเมนต์และการทำเลเซอร์ทุกชนิด หลังการฉีดฟิลเลอร์ 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
-หลังการฉีดฟิลเลอร์บริเวณริมฝีปาก ควรงดการสูบบุหรี่ การใช้หลอดดูดน้ำ การใช้ริมฝีปากขบเม้น 1 – 2 สัปดาห์
-การตรวจสอบก่อนฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

สารที่ฉีด ต้องแน่ใจว่าเป็นฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid ที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไม่ใช่สารอื่นที่นำมาแอบอ้างว่าเป็นฟิลเลอร์ หรือเป็นฟิลเลอร์ราคาถูกที่มีขายตามเว็ปไซด์ หรือนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย เพราะเสี่ยงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอม หมดอายุ ไม่ได้คุณภาพ และดูภายนอกอาจจะไม่แตกต่าง ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถืออื่น ๆ มาประกอบกัน ฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. ต้องสามารถตรวจเช็คเลข อย. และมีล็อคนัมเบอร์ วันที่ผลิตและวันหมดอายุที่ชัดเจน โดยคนไข้สามารถขอตรวจเช็คกล่องผลิตภัณฑ์ได้

บุคคลที่ทำการฉีด เพราะการฉีดฟิลเลอร์จำเป็นอย่างมากที่แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ทางกายวิภาคอย่างเชี่ยวชาญ มีเทคนิคการฉีดต้องถูกต้องเหมาะสม มีการประเมินรูปร่างว่าบริเวณใดต้องฉีดมากน้อยเพียงใดและฉีดสารในชั้นผิวหนังที่ถูกต้อง ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะเมื่อฉีดสารเข้าไปย่อมมีโอกาสเสี่ยงในการที่จะไปโดนเส้นเลือดหรือบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ นำมาซึ่งอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิตหรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อย่าเสี่ยงฉีดกับบุคคลที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นแพทย์หรือไม่ การฉีดกับหมอกระเป๋าแม้ว่าราคาถูกกว่าแต่หากมีความเสียหายเกิดขึ้น คุณจะไม่สามารถเรียกร้องหรือตรวจสอบเอาผิดได้

© 2017 DNA clinic :Worldclass Center | Design by Programmerthai.com